วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

บันทึกกิจกรรมการเรียนครั้งที่ 8
วันอังคารที่ 14 ตุลาคม 2557

วันนี้เเต่ละคนได้นำสื่อวิทยาศาสตร์มานำเสนอหน้าชั้นเรียนกัน เพื่อนๆเเต่ละคนก็ประดิษฐ์(invent)มาโดยไม่ซ้ำกัน
ดิฉันได้ประดิษฐ์ไปป์เลี้ยงลูกบอล




อุปกรณ์(tool)ในการประดิษฐ์มีดังนี้
1,หลอด (straw) ดูดน้ำหวาน
2.กระดาษสี (colored paper) เหลือใช้
3.ลูกปิงปอง (table tennis) หรือทำจากเศษกระดาษปั้นเป็นลูกกลมๆ
4.กาว(glue)


ขั้นตอน(step)การประดิษฐ์
1.นำเศษกระดาษมาตัดเป็นกรวยให้ขนาดรูพอดีกับหลอดเเล้วติดกาว
2.ลองเป่าลมดู ว่าสามารถเลี้ยงลูกบอลให้ลอยขึ้นได้หรือป่าว

หลักการทำงานของของเล่นชิ้นนี้คือความสัมพันธ์ระหว่างความดันเเละความเร็วของอากาศ ธรรมชาติของอากาศ(เเละของไหลได้เช่น น้ำ) ก็คือที่ใดที่อากาศไหลเร็ว ความดันอากาสเเถวนั้นจะน้อย ดังนั้นถ้าบริเวณอื่นที่อยู่รอบๆมีความดันอากาศมากกว่า ก็จะมีลมวิ่งจากที่ความดันมากเข้าหาที่ความดันน้อยกว่า หลักการนี้เรียกว่าหลักการของ เบอร์นูลลี เมื่อเราเป่าลมใต้ลูกบอลเเรงลมก็จะผลักให้ลูกบอลลอยขึ้นมา ลมที่อยู่ด้านล่างของลูกบอลก็จะไหลไปด้านข้างๆขึ้นไปข้างบนในที่สุดลมเหล่านี้วิ่งเร็วกว่าอากาศที่อยู่ห่างจากลูกบอล ความดันด้านข้างใกล้ๆลูกบอลจึงต่ำกว่าความดันที่ห่างออกไปข้างๆ จึงมีเเรงผลักรอบๆให้ลุกบอลอยู่บริเวณที่มีลมเป่าขึ้นเสมอเราจึงสามารถ"เลี้ยง"ลูกบอลอยู่ได้นานๆ



การเลี้ยงลูกบอลของเด็กๆ


ที่มาจาก Pongskorn Saipetch บล็อก วิทย์พ่อโก้ 

ประเมินตนเอง
-วันนี้เเต่งกายเรียบร้อย เข้าเรียนตรงต่อเวลา ร่วมกันอภิปรายเรื่องเเผนการสอนกับอาจารย์ในท้ายชั่วโมง โดยพูดถึงขั้นตอนการเชื่อมโยงเเผนเข้ากับกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่างๆอย่างถูกต้อง
เเละสิ่งที่ได้จากการประดิษฐ์สื่อวิทยาศาสตร์ก็คือการฝึกให้เด็กรู้จักนำสิ่งต่างๆรอบตัวที่มีอยู่มาสร้างสรรค์ให้เกิดวิทยาศาสตร์ โดยให้เด็กเรียนรู้ด้วยตนเอง
ประเมินเพื่อนๆ 
-เพื่อนส่วนใหญ่ประดิษฐ์สื่อวิทยาศาสตร์มาได้อย่างสนใจเเต่ที่อาจารย์ติไปก็คือการนำเสนอยังไม่ครอบคลุมเนื้อหาเเละยังไม่เข้าถึงหลักการทางวิทยาศาสตร์เท่าที่ควร
ประเมินอาจารย์
-อาจารย์เข้าสอนก่อนเวลาเพื่อให้นักศึกษาได้เตรียมตัวในการนำเสนอสื่อประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ เมื่อเพื่อนๆนำเสนอเสร็จอาจารย์ก็ให้คำเเนะนำติชมถึงการนำเสนอในการเตรียมตัวในการพูดถึงหลักการที่สอดคล้องกับสื่อที่เเต่ละคนประดิษฐ์มา



วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สรุปวีดีโอเรื่องอากาศมหัศจรรย์
ลมกระโชก (gust)
ลมพายุฝน(squall)


วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกกิจกรรมการเรียนครั้งที่ 7
Tuesday at 30 September 2014

วันนี้เริ่มการเรียนการสอนโดยการประดิษฐ์สื่อวิทยาศาสตร์
ผลงานชิ้นที่ 1 คือการประดิษฐ์ลูกยางจากกระดาษเหลือใช้ 



    โดยการประดิษฐ์ลูกยางจากกระดาษนี้จะเห็นถึงความเเตกต่างจากรูปภาพด้านบนได้ว่าลักษณะการตัดไม่เท่ากัน เเละเมื่อโยนลงมาจากที่สูงก็จะมีลักษณะการตกลงมาที่เเตกต่าง โดยมีปัจจัยดังนี้
1.ลักษณะการโยน
2.การออกเเรงโยนที่ไม่เท่ากัน
3.สภาพอากาศขณะโยน
4.ลักษณะของการตัดปีกกระดาษที่ไม่เท่ากัน 
เเละเมื่อพิจารณาเเรงที่กระทำกับตัวมัน จะมีเเรงโน้มถ่วงของโลกเเละเเรงต้านอากาศเเละด้วยรูปร่างของปีกกระดาษที่ไม่สมมาตร โดยถูกออกเเบบให้เเรงต้านกลายเป็นเเรงเข้าสู่ศูนย์กลาง ส่วนเเรงโน้มถ่วงทำให้มันตกลงมาในเเนวดิ่ง ตามลักษณะของการโยน

โดยกิจกรรมนี้นะค่ะถ้าเป็นเด็กๆได้ออกมาลองเล่นเขาจะไม่ถามว่าเล่นอย่างไร เขาจะเกิดการเรียนรุ้เเละทดลองเล่นด้วยตนเอง ซึ่งต่างจากนักศึกษาเพราะนักศึกษามีกรอบความคิดเป็นของตัวเองเเล้วค่ะ
ผลงานชิ้นที่ 2 สื่อวิทย์สร้างสรรค์จากเเกนกระดาษทิชชู่

 

     สิ่งประดิษฐ์นี้นะค่ะสามารถนำเศษวัสดุเหลือใช้มาใช้สร้างสรรค์เป็นสื่อวิทยาศาสตร์ให้เกิดคุณค่าเเก่เด็กโดยมีขั้นตอนการทำง่ายๆไม่ซับซ้อน เด็กๆสามารถทำได้ด้วยตนเอง

สิ่งที่ต้องกลับมาศึกษาค้นคว้าเพิ่ม

ประเมินตนเอง
-ตั้งใจทำกิจกรรมที่อาจารย์เตรียมให้อย่างตั้งใจ
-ตอบคำถามที่อาจารย์ถามตามความเข้าใจของตนเอง

ประเมินเพื่อนๆ
-เพื่อนสนุกสนานจากกิจกรรมการประดิษฐ์สื่อวิทยาศาสตร์อย่างสนุกสนาน
-มีส่วนร่วมกับกิจกรรมอย่างตั้งใจ

ประเมินอาจารย์ผู้สอน
-อาจารย์เตรียมสื่อ อุปกรณ์ ให้นักศึกษาประดิษฐ์อย่างมีความพร้อม
-อาจารย์ตั้งใจสอน พร้อมสรุปกิจกรรมอย้่างเข้าใจ





วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกกิจกรรมการเรียนครั้งที่ 6
วันอังคารที่ 23 กันยายน 2557

   Constructivism มีความสอดคล้องกับปฐมวัยอย่างไร 
*การจัดการเรียนรู้ที่ครูปฐมวัยนั้นมีบทบาทเป็นผู้ให้ข้อมูลเเก่เด็ก เเละยิ่งครูให้ข้อมูลเเก่เด็กมากเท่าไรเด็กก็ยิ่งรับข้อมูลได้มากเท่านั้น
วันนี้อาจารย์มีสื่อมาให้นักศึกษาดูเเละทดลองปฏิบัติหลายอย่างเลย เช่น กล้องพาราไดร์สโคป  สื่อวิทยาศาสตร์บัตรรูปภาพ เป็นต้น


กล้องนี้เมื่อส่องจะเกิดการหักเหเนื่องจากมีรูด้านข้าง


           ตัวอย่างกล้องพาราไดร์สโคป เเละกล้องเปริสโคป


บัตรรูปภาพสวยไหมค่ะเมื่อใช้มือหมุนไม้ภาพทั้งสองด้านจะเหมือนเคลื่อนไหวรวมกันเป็นภาพเดียวค่ะ


อาจารย์ตั้งคำถาม  2 คำถาม
  question ?  ใครเปรียบเด็กเหมือนผ้าข้าว

  answer     ฌอง ฌาค รุสโซ ( Jean Jacques Rouseeau )
  question.  ? ใครคือบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ 
  answer      พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยุ่หัว



                         Mildmap สรุปความรู้




ประเมินตนเอง
-วันนี้ได้เรียนรู้เรื่องเเสงพอสมควรเเละได้ทดลองกล้องที่อาจารย์นำมาให้เรียนรู้เเละได้จดบันทึกสิ่งที่ได้จากการเรียน เเละการเตรียมเเผนการสอนโดยการใช้MildMap ประกอบในการสอนในเเต่ล่ะเรื่อง

ประเมินเพื่อนๆ
-เพื่อนเเต่ล่ะกลุ่มวาดรูปเเละสร้างMildmap มาอย่างสวยงามทุกกลุ่มเลย

ประเมินอาจารย์ผู้สอน
-อาจารย์ให้ข้อเสนอเเนะเเละคำติชมในการสร้างMlidMap ของเเต่ละกลุ่ม เเละอธิบายความรู้เรื่องเเสงในการนำไปใช้สอนเด็กเพื่อให้เด้กได้คิดเเละหาเหตุผลด้วยตนเอง






วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกกิจกรรมการเรียนครั้งที่ 5 
วันอังคารที่ 16 กันยายน 2557

    เริ่มต้นบทเรียนอาจารย์ให้นักศึกษาฟังเพลงเนื้อร้องเเละทำนองเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สำหรับเด็ก เเต่นักศึกษาไม่ฟัง พูดคุยส่งเสียงดังไม่เกรงใจอาจารย์ อีกทั้งปัญหาเรื่องระบบ electronics ไม่สมบูรณ์แบบเกิดความขัดข้องในระบบเสียง เมื่อเพลงจบอาจารย์ได้กล่าวถึงเรื่องกาลเทศะ Propriety พร้อมยกตัวอย่างทฤษฎีของฟรอยด์ ที่เป้นทฤษฎีด้านจิตวิเคราะห์กลา่าวคือพฤติกรรมที่เป้นทฤษฎีที่เป็นไปตามหลักและเหตุผลในความเป้นจริงตามหลักการของอีโก้ Ego จากนั้นอาจารย์ถามนักศึกษาขนาดที่นักศึกษาเงียบแล้วว่าขณะที่อาจารย์ให้ฟังเพลงนักศึกษาแสดงพฤติกรรมที่ไม่สมควรอะไรบ้างออกมาทุกคนก็ตอบมาเป็นเสียงเดียวกันว่าเสียงรบกวนสมาธิอาจารย์ผู้สอน เสียงดัง สร้างความวุ่นวายให้เพื่อนๆและอาจารย์ผู้สอน อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่าทุกคนควรมีประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการเป้นผู้ฟังที่ดี ผู้พูดที่ดี

จากนั้นเพือนๆก็ได้ออกมานำเสนอบทความตามเลขที่
 เรื่องที่ 1 สอนลูกเรื่องปรากฎการณ์ธรรมชาติสำคัญอย่างไร
รายละเอียดของบทความพูดถึงเรื่องการให้ความสำคัญต่อลูกในเรื่องของปรากฎการณ์ธรรมชาติต่างๆที่เด็กสนใจและอยากจะเรียนรู้โดยพ่อแม่ควรให้ความสำคัญและให้ความรู้ความเข้าใจอธิบายเรื่องราวทางธรรมชาติในแบบง่ายๆที่เด็กพอจะเข้าใจ

* หมายเหตุ  ในคาบเรียนนี้เพื่อนๆๆนำเสนอบทความแค่ 1 เรื่อง เนื่องจากอาจารย์ติดธุระสำคัญจึงให้เพื่อนที่้หลือนำเสนอในคาบต่อไป และอาจารย์ได้หมอบหมายงานให้นักศึกษา 2 งาน คือ
งานเดี่ยว ให้ศึกษา VDO เรื่องความลับของแสง พร้อมสรุปสาระสำคัญที่ได้จาก VDO ลง Blogger 
งานกลุ่ม   ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 - 6 คน สร้าง Mild Mapping โดยแต่ละกลุ่มให้กำหนดกลุ่มล่ะ 1เรื่อง โดยมีเนื่้อหาที่ละเอียด โดยกลุ่มดิฉันนำเสนอเรื่อง Frog 

                                                                VDOความลับของแสง


                                                                 
                                             สรุปองค์ความรู้ เรื่องความลับของเเสง จาก VDO


ประเมินตนเอง
-คุยกับเพื่อนข้างๆ จนไม่รู้เรื่องสิ่งที่อาจารย์เปิดให้ฟัง ทำให้ตัวเองขาดการเป็นผู้เรียนที่ดีเเละผู้ฟังที่ดีในชั้นเรียน

ประเมินเพื่อน
-เพื่อนๆในห้องเเข่งกันคุยเสียงดัง ไม่ฟังอาจารย์สอน

ประเมินอาจารย์ผู้สอน
-อาจารย์มีความตั้งใจในการสอนเเต่นักศึกษาไม่สนใจที่จะรับความรู้
-อาจารย์ปล่อยเร็วเนื่องจากติดธุระสำคัญเเต่ก็ให้งานไว้ 







วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2557

สรุปบทความ เรื่อง วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
ที่มา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญชลี  ไสยวรรณ
     การให้เด็กได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์นั้นถือว่าให้เด็กได้เข้าใจตัวเองเเละโลกรอบตัว เด็กมีธรรมชาติที่เป็นความอยากรู้อยากเห็น มักจะชอบใช้คำถามว่า ทำไม อย่างไรเพื่อเเสวงหาความรู้จากสิ่งต่างๆรอบตัวเเละเริ่มมีความเข้าใจธรรมชาติมากขึ้น เด้กสามารถสังเกตเเละสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องดิน หิน อากาศเเละท้องฟ้า เรียนรู้เกี่ยวกับพลังงานจากเเม่เหล็ก เเสงเเละเสียง นอกจากนี้เด็กสามารถสำรวจลักษณะของน้ำเเละความร้อน สิ่งเหล่านี้เองทำให้เด็กปฐมวัยเริ่มมีการทำงานทางวิทยาศาสตร์ สามารถเเก้ปัญหาต่างๆโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการเรียนรู้เรื่องอื่นๆได้อย่างมากมาย เเละกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ล้วนส่งเสริมการสร้างความมั่นใจลดความกลัวในสิ่งที่ยังไม่รู้ พัฒนาการทางสติปัญญาให้เเก่เด็ก เช่น ทักษะการสังเกต การจำเเนก ประเภท การเรียงลำดับ การวัด การคาดคะเน การสื่อสาร เเละยังพัฒนาอารมณ์ให้เด็กเกิดเจตคติในทางบวก วิทยาศาสตร์นั้นมีขอบข่ายค่อนข้างกว้างขวาง เเต่โดยสรุปที่ควรจัดให้เด็กได้เรียนรู้ก็คือ การศึกษาธรรมชาติที่อยู่รอบตัวเด็กโดยมีขั้นตอนการศึกษาค้นคว้า ทำความเข้าใจเเละอธิบายธรรมชาติที่อยู่รอบตัวได้ เช่น พฤติกรรมการเปลี่ยนเเปลง ปรากฏการณ์ต่างๆ นำไปสู่การสื่อสารเเละการเเสดงออกทางปัญญาในการเเสดงความคิดเห็นผ่านภาษาโดยการพูดเเละการเขียนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์จะส่งสนับสนุนความอยากรู้ ความสนใจของเด็ก เเละในที่สุดก็จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกประสบผลสำเร็จ
                                                                                                             

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2557

บันทึกกิจกรรมครั้งที่ 4
 วันอังคารที่  9 กันยายน 2557
* ่ อาจารย์ตั้งคำถาม  2 คำถาม
  question ?  ใครเปรียบเด็กเหมือนผ้าข้าว
  answer     ฌอง ฌาค รุสโซ ( Jean Jacques Rouseeau )
  question.  ? ใครคือบิดาแห่งวิทยาศาสตร์
  answer      พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยุ่หัว
ความหมายของวิทยาศาสตร์ ( Science )
วิทยาศาสตร์หมายถึง การศึกษาสืบค้นเเละจัดระบบความจริงเกี่ยวกับธรรมชาติโดยอาศัยกระบวนการเเสวงหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ประกอบด้วยวิธีการทักษะกระบวนการเเละเจตคติทางวิทยาศาสตร์อย่างมีระบบเเบบเเผน มีขอบเขตโดยอาศัยการสังเกต การทดลองเพื่อค้นหาความจริงเเละทำให้ได้มาซึ่งความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
เเนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
1,การเปลี่ยนเเปลง
2.ความเเตกต่าง
3.การปรับตัว
4.การพึ่งพาอาศัยกัน
5.ความสมดุล
เจตคติทางวิทยาศาสตร์
1.ความอยากรู้อยากเห็น
2.ความเพียรพยายาม
3.ความซื่อสัตย์
4.ความมีระเบียบเเละรอบคอบ
5.ความใจกว้าง
 
 บทความจากเพื่อนๆ 5 เรื่อง
1.จุดประกายของเล่นวิทยาศาสตร์
2.ทำอย่างไรให้ลูกสนใจวิทยาศาสตร์
3. วิทย์ - คณิต สำหรับเด้กปฐมวัยสำคัญอย่างไรต่ออนาคตของชาติ
4.เมื่อลูกน้อยเรียนรู้ คณิต - วิทย์ จากเสียงดนตรี บูรณาการ กิจกรรมเพื่อสร้างนักวิทยาศาสตร์น้อย
5.การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย การเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย

การเรียนรุ้   Learning
1.สิ่งที่ครูถามสนทนาโต้ตอบเพื่อให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการเรียนรุ้
2.สิงที่เรียนรู้จากนอกห้องเรียนและในห้องเรียน
3.สิงที่ได้จากเพื่อนๆในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น


Add
ทักษะทางวิทยาศาสตร์มีอะไรบ้าง



ประเมินตนเอง
 - เข้าเรียนตรงต่อเวลา
 - ตั้งใจการนำเสนอบทความของเพื่อนๆ

ประเมินเพื่อน
- เพื่อนที่นำเสนอบทความมีการเตรียมความพร้อมมาพอสมควร

ประอาจารย์ผุ้สอน
 - อาจารย์มีความตั้งใจในการสอนและให้ความรู้ในเรื่องที่เรียนใช้เทคนิคการสอนโดยการสนทนาถามตอบให้นักศึกษามีส่วนร่วม